5 ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมลิเวอร์พูลชนะบอร์นมัธ 9-0

ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกของพวกเขาด้วยการเอาชนะบอร์นมัธ 9-0 ที่แอนฟิลด์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
หงส์แดงทำสถิติชนะเทียบเท่ากับสถิติพรีเมียร์ลีกในวันแห่งความทรงจำที่แอนฟิลด์ โดยโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ และลุยส์ ดิอาซทำคนละสองประตู ที่เหลือเป็นฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และฟาบิโอ คาร์วัลโย่ในเกมที่ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์เก็บชัยชนะอย่างสวยงาม
และนี่คือห้าประเด็นที่น่าสนใจจากเกมดังกล่าว…
สถิติในยุคพรีเมียร์ลีก
ชัยชนะที่สวยงามจากฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม และเหนือกว่าอย่างชัดเจน ที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลมีสถิติประตูที่ได้เสียที่ดีขึ้นทันตา
นอกจากที่ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์จะกลายเป็นลิเวอร์พูลทีมแรกที่ทำ 5 ประตูในครึ่งแรกเกมลีกนับตั้งแต่ปี 1958 แต่พวกเขาไม่หยุดแค่นั้น ถึงจะสร้างสถิติชนะขาดลอยที่สุด โดยทำประตูที่ 10 ไม่ได้ แต่นี่เป็นชัยชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
บ็อบบี้คนเดิม
เฟอร์มิโน่แสดงให้เห็นจุดเด่นที่เขาแสดงมาตลอดจากฟอร์มสุดยอดในครึ่งแรก โดยเขาใช้เวลาเพียง 31 นาทีในการทำแฮตทริกของแอสซิสต์ และทำประตูที่สี่กับลิเวอร์พูล และกลายเป็นนักเตะคนแรกตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2017 ที่มีส่วนกับ 4 ประตูในครึ่งแรกของโปรแกรมพรีเมียร์ลีก
และวันนี้ยังยอดเยี่ยมกว่านั้นของดาวเตะบราซิล เมื่อลูกยิงจ่อๆ นาทีที่ 62 ของเขาเป็นประตูที่ 100 ของเขากับสโมสรอีกด้วย
สุดท้ายเขายังได้รับการยืนปรบมือเมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนหมดเวลา 20 นาทีจากแฟนบอลอันเป็นที่รัก
ดาวเด่นเอลเลียตต์
จากสองประตูของเขากับลิเวอร์พูลเป็นสองงประตูที่งดงามไม่แพ้กัน และคราวนี้ลูกแรกของเขาในพรีเมียร์ลีกมากจากการปั่นโค้งเสียบสามเหลี่ยมเป็น 2-0
มันน่าตื่นเต้นไม่แพ้กันหลังจากเขาทำประตูเดียวให้กับสโมสรในเกมที่เพิ่งคัมแบ็กกลับมาจากช่วงเวลาบาดเจ็บในเกมกับคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ในเกมฤดูกาลที่แล้ว
และคุณคงจะคิดว่าจะมีอีกหลายประตูตามมาจากนักเตะวัย 19 ปี
อีกหนึ่งผู้ทำประตูในทีม
ที่งดงามไม่แพ้กัน คือประตูจากอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ 22 นาทีต่อมา กับการปั่นโค้งเสียบเสาไกล สุดปัญญาที่มาร์ค ทราเวอร์สจะทำอะไรต่อหน้าแอนฟิลด์ โร้ดได้
เจ้าของเสื้อเบอร์ 66 ยังมีส่วนกับประตูที่ 6 ในเกมนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เครดิตจากแอสซิสต์จากจังหวะทำเข้าประตูตัวเองของคริส เมพแฮม
วันที่น่าภาคภูมิใจ
ความรู้สึกน่าภาคภูมิใจในวันนี้ยังเกิดขึ้นจากการที่ดาวรุ่งสามคนได้โอกาสลงสนามที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมเลือน
คนแรกคือสเตฟาน บาจ์เซติช วัย 17 ปีได้ลงเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 70 และเป็นเกมประเดิมสนามของเขาในฐานะมิดฟิลด์ตัวกลาง
และไม่นานหลังจากนั้นคาร์วัลโย่วัย 19 ปีก็ทำประตูแรกในชุดหงส์แดงจากการวอลเล่ย์สุดสวย ซึ่งเขาเป็นอีกคนที่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจจากม้านั่งสำรอง
และสุดท้ายบ็อบบี้ คลาร์กวัย 17 ปีได้โอกาสลงเล่นเกมชุดใหญ่ครั้งแรกท้ายเกมปิดท้ายวันที่สมบูรณ์แบบสำหรับเคิร์กบี อะคาเดมี หลังจากทีมยู-18 เอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 4-2 ไปก่อนหน้านี้